ปี 2563 เรายังคงมีน้ำมันเติมรถ 10 ชนิดเหมือนเดิม

0
344
ปี 2563 เรายังคงมีน้ำมันเติมรถ 10 ชนิดเหมือนเดิมนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2563 ระบุว่าในปี 2563 คาดว่าการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ประมาณ 2% โดยมีสมมุติฐานจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 2.8-3% ในขณะที่การใช้เชื้อเพลิงปี 2562 เติบโตจากปี 2561 ในอัตรา 1.8% ดูตัวเลขอย่างนี้ก็จะคิดว่าการขยายตัวของความต้องการเชื้อเพลิงในบ้านเรามีอัตราการขยายตัวต่ำ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีของประเทศและของโลก แต่ถ้าดูในรายละเอียดของข่าวลึกลงไป ก็จะพบว่า แม้ตัวเลขของความต้องการเชื้อเพลิงโดยรวมจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ภาพของความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานพาหนะกลับขยายตัวในอัตราที่สูง เช่น กลุ่มน้ำมันเบนซินมีปริมาณการใช้เพิ่มจากปีก่อน 3.7% มาอยู่ที่เฉลี่ย 32.2 ล้านลิตร/วัน โดยแก๊สโซฮอล์ E20 เพิ่มขึ้นมากที่สุด 12.1% อยุ่ที่ 6.5 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) มีผู้ใช้มากที่สุด 13.9 ล้านลิตร/วัน หรือเพิ่มขึ้น 6.9% ส่วนน้ำมันที่มีความต้องการลดลง คือเบนซิน 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 โดยลดลง 12.8% และ 4.2% ตามลำดับ ในส่วนของน้ำมันดีเซล ยอดการใช้เพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับกลุ่มเบนซิน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 64.4 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.8% โดยน้ำมันดีเซล บี 7 มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค. 62) และดีเซล บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.5 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือน ก.ค. 61) โดยราคาน้ำมันดีเซล บี10 และ บี20 ภาครัฐได้กำหนดส่วนต่างราคาขายปลีกให้ถูกกว่าดีเซล บี 7 ที่ 2 และ 3 บาท/ลิตร ตามลำดับ
สำหรับปี 2563 กรมธุรกิจพลังงานคาดว่ายอดการใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินจะสูงขึ้นจากปี 2562 อีก 3.7% มาอยู่ที่ 33.4 ล้านลิตร/วัน โดยยังมีจำหน่ายรวม 6 ชนิดเหมือนเดิม (รวมแก๊สโซฮอล์เกรดพรีเมี่ยม) มากที่สุด คือ แก๊สโซฮอล์ 95 (E10) 14.2 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 1.9% และแก๊สโซฮอล์ E20 เพิ่มขึ้น 3.6% สู่ระดับ
 6.8 ล้านลิตร/วัน ส่วนในกลุ่มดีเซลนั้น ปี 2563 การใช้น้ำมันดีเซลโดยรวมจะเพิ่มขึ้น 6.5% มาอยุ่ที่ 68.6 ล้านลิตร/วัน มีทั้งหมด 4 ชนิด (รวมเกรดพรีเมี่ยม) โดยดีเซล บี7 จะลดลงถึง 35% มาอยู่ที่ 38.9 ล้านลิตร/วัน ตามนโนบายของกระทรวงพลังงานที่จะลดการขาย B7 แล้วหันไปส่งเสริม B10 ให้เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานที่ทุกสถานีบริการน้ำมันต้องมีไว้จำหน่ายตั้งแต่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป ส่งผลให้ยอดจำหน่าย B10 จะพุ่งทะยานถึง 22.5 ล้านลิตร/วัน และ B20 อยู่ที่ 7.1 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นถึง 59.5% อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ประเทศไทยก็จะยังคงมีน้ำมันเติมรถยนต์มากถึง 10 ชนิดต่อไป เพราะกระทรวงพลังงานยังไม่มีแผนลดชนิดน้ำมันลงอย่างเป็นรูปธรรม เพราะยังไม่สามารถจะประกาศยกเลิกน้ำมันบางชนิดที่มียอดจำหน่ายน้อย และไม่มีความจำเป็นที่จะคงอยู่ต่อไป ด้วยเหตุผลหลายประการ
ดังนั้น เพื่อให้น้ำมันแต่ละชนิดสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น อันจะทำให้นโยบายลดชนิดของเชื้อเพลิงได้ผล ผมจึงใคร่แนะนำให้ใช้กองทุนน้ำมันเป็นเครื่องมือในการสร้างส่วนต่างราคาที่เหมาะสม สำหรับน้ำมันแต่ละชนิด โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ควรจะพิจารณาลดการอุดหนุนแก๊สโซฮอล์ E85 และ ดีเซล B20 ลง เพื่อเป็นการสนับสนุน E20 และ B10ซึ่งนอกจากจะช่วยลดชนิดของเชื้อเพลิงได้แล้ว ยังจะช่วยให้ยอดการใช้เอทานอล และไบโอดีเซล B100 เพิ่มขึ้นตามยอดขายของ E20 และ B10 ที่สูงขึ้น และช่วยลดภาระของกองทุนน้ำมันฯ อีกด้วย เท่ากับกระสุนนัดเดียว ยิงนกได้ทั้งฝูงครับ!!!.
มนูญ ศิริวรรณ
6 ก.พ. 2563
สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ : https://bit.ly/3ezzF7d