วันที่ 15 มิถุนายน 2559
เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริงการได้รับเชิญออกรายการ “เถียงให้รู้เรื่อง”
เรียน รศ.ดร.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ
ประธานกรรมการนโยบาย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย
อ้างถึง หนังสือ นางสาวรสนา โตสิตระกูล ถึงประธานกรรมการไทยพีบีเอส ลงวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559
ตามที่ผมได้รับการติดต่อเชิญให้ไปออกรายการ “เถียงให้รู้เรื่อง” โดยการดีเบตกับคุณรสนา โตสิตระกูล ในหัวข้อ “สัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ ได้คุ้มเสียจริงหรือ?” โดยมีการบันทึกเทปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2559 เพื่อออกอากาศในวันที่ 7 มิถุนายน และในการบันทึกเทปมีนักวิชาการสองท่านเข้าร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยในฐานะ commentator แต่หลังจากนั้น ทางผู้บริหารสถานีช่องไทยพีบีเอสได้รับการร้องเรียนจากนางสาวรสนาถึงความไม่เป็นกลางของนักวิชาการที่เข้าร่วมรายการ จึงได้ตัดสินใจตัดต่อเทปบันทึกรายการโดยตัดในส่วนที่เป็นความเห็นของนักวิชาการออกทั้งหมด จนส่งผลให้มีประเด็นความเคลือบแคลงใจในสังคมต่อการทำหน้าที่สื่อของไทยพีอีเอสดังที่ทราบกันไปโดยทั่วกันแล้วนั้น
ต่อมานางสาวรสนาได้ทำหนังสือถึงท่านประธานไทยพีบีเอสสองฉบับด้วยกัน โดยเฉพาะฉบับที่อ้างถึงดังกล่าวข้างต้นมีข้อความที่พาดพิงถึงผมที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงอันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และบางข้อความเป็นข้อความที่มีเจตนาให้สังคมเข้าใจว่าผมและนักวิชาการอีกสองท่านเป็นผู้มีความเกี่ยวพันกับผุ้รับสัมปทานเดิม จึงมีแนวความคิดไปในทิศทางเดียวกัน และไม่มีความเป็นกลาง ดังนั้นผมจึงมีความจำเป็นต้องทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดของการไปร่วมรายการและตอบข้อกล่าวหาของนางสาวรสนา ดังต่อไปนี้
1. การไปร่วมรายการในครั้งนี้ไม่ได้รับเชิญในนามของกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน หรือ ERS แต่อย่างใด เป็นการรับเชิญในนามส่วนตัว แต่เมื่อเริ่มรายการ ทางพิธีกรได้ประกาศว่าเป็นตัวแทนกลุ่มปฏิูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน ซึ่งผมก็รู้สึกแปลกใจเช่นเดียวกัน
2. ก่อนเริ่มบันทึกเทปรายการ ผมไปที่สถานีก่อนคุณรสนาเพียง 15 นาที พิธีกรยังมาไม่ถึง และไม่ได้พบกับพิธีกรล่วงหน้าแต่อย่างใด ส่วนการส่งมอบข้อมูลประกอบการดีเบต ก็ส่งมอบให้ทางรายการก่อนเริ่มบันทึกเทปประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าแต่อย่างใด
3. การบันทึกเทปเป็นไปอย่างเรียบร้อยทุกประการ พิธีกรผู้ดำเนินรายการได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว โดยได้เปิดโอกาสให้คู่ดีเบตได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งให้ยกเหตุผลและแสดงข้อมูลที่เตรียมมาประกอบการโต้แย้งโดยมิได้เลือกที่รักมักที่ชังแต่อย่างใด
4. ส่วนการที่นักวิชาการจะมีความเห็นอย่างไรนั้น ผมคิดว่าเราไปกำหนดความเห็นของนักวิชาการไม่ได้ เพราะคำจำกัดความของนักวิชาการคือต้องมีอิสระทางความคิด หน้าที่ของ
เขาคือมารับฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่าย แล้วประมวลเป็นความเห็นของตนเอง ซึ่งจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ได้ หรือจะเห็นไปในทางเดียวทั้งสองท่านก็ย่อมได้ การจะไปกำหนดว่านักวิชาการจะต้องมาจากคนละฝ่ายนั้น ผมอยากถามว่าตอนผู้จัดรายการไปเชิญเขามาออกรายการ ถ้าบอกว่าต้องพูดสนับสนุนนายมนูญ หรือ ต้องพุดสนับสนุน นางสาวรสนานะ ผมอยากรู้ว่าจะมีนักวิชาการที่ไหนเขารับเชิญบ้าง
5. ส่วนเรื่องที่อ้างว่าถูกรุมนั้น ผมคิดว่าการดีเบตคือการโต้ตอบกันด้วยเหตุผล เหตุผลใครดีกว่า ข้อมูลครบถ้วนกว่า ย่อมเป็นที่น่าเชื่อถือกว่า จำนวนคนที่เข้าร่วมแสดงความเห็น ว่าเห็นด้วยกับเราหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ และรายการนี้ก็เคยมีปรากฏการณ์ที่นักวิชาการสองคนมีความเห็นคล้อยตามในทิศทางเดียวกันมาแล้ว ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น นั่นคือความเป็นอิสระทางความคิดของนักวิชาการ ที่ทางสถานีหรือสื่อไม่ควรไปละเมิด
6. เรื่องการเป็นกรรมการบริษัทพลังงานและความเกี่ยวพันกับผู้รับสัมปทานเดิมนั้น ถือว่าเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น และเป็นการพยายามลดความน่าเชื่อถือของคู่ดีเบตและนักวิชาการอย่างน่ารังเกียจ ผมเข้าเป็นกรรมการของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง ที่มีบริษัท เชพรอน ถือหุ้นใหญ่จริง แต่ถ้าผู้พูดจะใส่ใจหาความรู้สักนิด ก็จะทราบว่าผมเข้่าไปเป็นกรรมการในฐานะกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นรายย่อย ไม่ได้เข้าไปนามหรือเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อย และตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารให้มีความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล และไม่มีการขัดกันแห่งผลประโชน์ระหว่างผู้ถือหุ้นรายใหญ่กัยรายย่อย
7. ถึงผมจะเป็นกรรมการในบริษัทพลังงานแต่ก็ไม่เคยเสนอหรือแสดงความเห็นใดๆไปในทิศทางให้มีการต่ออายุสัมปทานกับผู้ประกอบการรายเดิม และในการบันทึกเทปตลอดรายการผมและนักวิชาการอีกสองท่านก็ไม่เคยเสนอความคิดดังกล่าว เพียงแต่ได้เสนอให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจหาทางเลือกที่เหมาะสมโดยเร็ว เพื่อมิให้การผลิตก๊าซธรรมชาติในสองแปลงสัมปทานดังกล่าวต้องหยุดชะงักขาดตอนลง ซึ่งเรื่องนี้ถ้าได้มีการนำเทปบันทึกรายการมาออกอากาศทั้งหมดโดยไม่มีการตัดทอน ผู้ชมก็จะได้รับทราบความจริงที่ทางนางสาวรสนาพยายามกล่าวหาผู้เข้าร่วมรายการทั้งสามท่านว่าต้องการต่ออายุสัมปทานให้กับผู้ประกอบการรายเดิม ซึ่งไม่เป็นความจริง
ทั้งหมดนี้จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้ทางสถานีไทยพีบีเอสนำเทปบันทึกภาพรายการที่ไม่มีการตัดทอนมาออกอากาศเพื่อความกระจ่างชัด และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินด้วยวิจารณญานของผู้ชมเอง แทนที่จะให้ผู้ที่มีส่วนได้เสียโต้เถียงกันไปมาจนสร้างความสับสนให้กับประชาชน
ขอแสดงความนับถือ
(นายมนูญ ศิริวรรณ)
นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน
ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/manoon.siriwan/posts/1119976568073985
สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ : https://www.facebook.com/ERSFellowship/posts/497727963770550