“ค่ามาตรฐาน EURO” ที่สูงขึ้น จะช่วยลดมลภาวะจากไอเสียและฝุ่นละอองของยานยนต์
ค่ามาตรฐาน EURO หรือ Euro Emission Standard คือ มาตรฐานไอเสียและมาตรฐานน้ำมันเชื้อพลิง ริเริ่มโดย กลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ที่ได้วางกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อลดปัญหามลภาวะในอากาศที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมค่ามาตรฐานไอเสียในอุตสาหกรรมยานยนต์ และค่ามาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิง
มีการแบ่งระดับตั้งแต่ EURO 1 ไปจนถึง 6 ยิ่งระดับสูงขึ้น ค่าไอเสียจะยิ่งลดลง โดยวัดจากสารเจือปนในน้ำมันเชื้อเพลิง และปริมาณการปลดปล่อยมลภาวะของสารจากไอเสียรถยนต์ เช่น กำมะถัน เบนซีน โอเลฟิน คาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซไฮโดรคาร์บอน ไนโตรเจนออกไซด์ ค่าออกเทน ซีเทน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) เป็นต้น เรียกได้ว่ามาตรฐานเชื้อเพลิงยิ่งสูง กระบวนการเผาไหม้ก็จะยิ่งสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงต้องมีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานน้ำมันเพื่อให้สามารถลดมลภาวะได้ด้วย
ในประเทศไทยเริ่มใช้มาตรฐานยูโรครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 ต่อมามีการออกประกาศบังคับใช้น้ำมันยูโร 4 ทั้งเบนซินและดีเซล ในปี พ.ศ.2555 เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ. 2562) มีการขอความร่วมมือจากโรงกลั่นในประเทศ เพื่อจัดทำแผนปรับปรุงคุณภาพน้ำมันให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 ที่มีค่ากำมะถันลดลงจากยูโร 4 ราว 40 ppm เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาฝุ่น PM 2.5

#6ปีERS #เข้าใจเพื่อไปต่อ #ERSFellowship #Euro5
สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่: https://web.facebook.com/ERSFellowship/posts/1360191110857560