ยังคงมีคำถามกันอยู่เรื่อยๆโดยเฉพาะในสื่อสังคมประเภท Social Media ว่าทำไมตลาดโลกราคาน้ำมันลดลงตั้งเยอะ แต่บ้านเราลดลงไม่มาก และมีนักเขียนการ์ตูนประเภทล้อเลียนการเมืองเอาไปเขียนว่าตลาดโลกลดลง 50% แต่น้ำมันไทยลด 50 ส.ต.ก็มี
เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของความรู้สึกผสมกับความไม่เข้าใจในการบริหารกลไกราคาน้ำมันของกระทรวงพลังงาน ซึ่งจะไปโทษประชาชนก็ไม่ได้ที่มีความรู้สึกอย่างนั้น เพราะกระทรวงไม่ได้อธิบายหรือทำการวิเคราะห์และชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและเห็นตัวเลขอย่างชัดเจนว่า ความจริงราคาในประเทศมันลดลงตามราคาในตลาดโลกหรือไม่
เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างชัด ผมจะจับตัวเลขราคาน้ำมันดิบดูไบ และราคาน้ำมันเบนซิน/ดีเซล ที่ตลาด สิงคโปร์ และราคาน้ำมันในประเทศ ณ วันที่ 5 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่ราคาน้ำมันขึ้นไปสูงสุดในรอบ 4 ปี มาเปรียบเทียบกับราคา ณ วันที่ 29 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ราคาน้ำมันลดลงต่ำที่สุดในรอบ 13 เดือนมาให้ดู เพื่อให้เห็นว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ราคาน้ำมันดิบดูไบเมื่อวันที่ 5 ต.ค.อยู่ที่ 83.25 $/bbl. วันที่ 29 พ.ย. อยู่ที่ 58.25 $/bbl. ลดลง 25.00 $/bbl. คิดเป็น 5.15 บาท/ลิตร นั่นเป็นราคาน้ำมันดิบที่ลดลงนะครับ
ส่วนราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่สิงคโปร์ ราคาเปรียบเทียบกันคือ 93.45 vs. 59.74 $/bbl. ลดลง 33.71 $/bbl. หรือ 6.95 บาท/ลิตร ในขณะที่ดีเซล ราคาที่สิงคโปร์เปรียบเทียบกันคือ 98.66 vs. 71.82 ลดลง 26.84 $/bbl. หรือ 5.50 บาท/ลิตร
ทีนี้มาดูราคาน้ำมันในประเทศบ้าง เปรียบเทียบในช่วงเดียวกันคือ 5 ต.ค.กับ 30 พ.ย. แก๊สโซฮอล 95 ราคา 31.95 vs. 27.65 บาท/ลิตร ถูกลง 4.30 บาท/ลิตร ดีเซลราคา 29.89 vs.27.29 บาท/ลิตร ถูกลง 2.60 บาท/ลิตร
จะเห็นว่าราคาน้ำมันในประเทศลดลงน้อยกว่าราคาในตลาดโลกจริง แต่เราต้องไปดูกลไกอีกตัวหนึ่งคือ กองทุนน้ำมันฯ เพราะในช่วงราคาน้ำมันเป็นขาขึ้นนั้น กระทรวงพลังงานได้นำเงินกองทุนน้ำมันไปอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลและก๊าซแอลพีจี เป็นเงินถึง 11,000 ล้านบาท
ดังนั้นในช่วงน้ำมันขาลง กระทรวงพลังงานจึงต้องเก็บเงินคืนกองทุนน้ำมัน โดยในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95/แก๊สโซฮอล 95,91 และดีเซลเพิ่มจากเดิมอีก 1.90 และ 1.70 บาท/ลิตรตามลำดับ เมื่อรวมส่วนที่เก็บเข้ากองทุน+ส่วนที่ลดราคาหน้าปั้มลงแล้ว ก็เท่ากับราคาเบนซิน/แก๊สโซฮอลลดลง 6.20 บาท/ลิตร และดีเซลลดลง 4.30 บาท/ลิตร
จึงสรุปได้ว่าราคาเบนซิน/แก๊สโซฮอลลดลงน้อยกว่าตลาดโลก 0.75 บาท/ลิตร ในขณะที่ดีเซลลดลงน้อยกว่า 1.20 บาท/ลิตร เพราะมีการปรับค่าการตลาดให้สูงขึ้นจากเดิมที่อยู่ในระดับต่ำแค่ 1.20 บาท/ลิตรเท่านั้น
สิ่งที่ควรพิจารณาคือ นอกจากค่าการตลาดน้ำมันที่อาจสูงเกินไป (หลังการปรับ) แล้ว ผู้ใช้น้ำมันเบนซิน 95/แก๊สโซฮอล 95 และ 91 ยังต้องแบกภาระเต็มๆ เพราะถูกเก็บเงินเข้ากองทุนฯเพิ่มถึง 1.90 บาท/ลิตร โดยไม่ได้รับอานิสงค์ใดๆในช่วงน้ำมันขึ้นราคาเลย ไม่เหมือนผู้ใช้น้ำมันดีเซลที่ถึงแม้จะถูกเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่ม 1.70 บาท/ลิตร แต่ยังได้รับการอุดหนุนในช่วงน้ำมันแพงสูงถึง 1 บาท/ลิตร
จึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการบริหารกลไกราคาที่ไม่ค่อยเป็นธรรมกับผู้ใช้เบนซินและแก๊สโซฮอลเท่าไรครับ !!!
มนูญ ศิริวรรณ
30 พ.ย. 2561
สามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่ : https://bit.ly/2VnZZcG
